ประเทศไทยแสดงบทบาทประเทศผู้นำด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค จัดงานส่งเสริมการขาย Thailand Travel Mart Plus” (TTM+) โดยผู้บริหารหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ และกลุ่มผู้ประกอบการจากกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา และกลุ่มผู้ประกอบการกว่า 15 หน่วยงาน ร่วมแสดงความร่วมมือผลักดันเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่กลุ่มประเทศ Greater Mekong Sub-region (GMS) ทะลุ 95 ล้านคนภายในปี 2568
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า รัฐบาล ผ่านการดำเนินงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขับเคลื่อนนโยบายการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยการพัฒนา ส่งเสริม และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ และความร่วมมือแก่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสมาชิก Greater Mekong Sub-region (GMS) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน (เฉพาะ 2 มณฑล ได้แก่ ยูนนาน และกว่างสี) ราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ให้สามารถพัฒนา และส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวสู่อนุภูมิภาคจำนวนไม่น้อยกว่า 95 ล้านคน ภายในปี 2568 นี้
ประเทศสมาชิกทั้ง กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา ร่วมเปิดบูธประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในงาน TTM+ ร่วมกับผู้ประกอบการไทย จำนวนกว่า 430 หน่วยงาน โดยมีโอกาสได้พบปะกับผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวกว่า 425 ราย จาก 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมตามนโยบายของรัฐบาลที่นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้ว่า ททท. ขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็น Tourism Hub of ASEAN และในระหว่างการจัดงาน TTM+ 2024 นี้ ผู้บริหารหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ กลุ่ม GMS จะได้หารือถึงโอกาสในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบก ทางอากาศ ทางราง และทางน้ำ โดยปรับมาตรการให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้โดยสะดวก (Ease of Travelling) ควบคู่กับการร่วมกันพิจารณากิจกรรมด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคร่วมกัน
ผู้ว่าการ ททท. เน้นย้ำว่า นโยบายการต่างประเทศของ ททท. นั้น เป็นประเด็นที่มีความสำคัญต่อการตลาดและการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นอกเหนือสร้างความสัมพันธ์อันดีซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นให้เกิดการเดินทางแล้ว ยังจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนสามารถจะขยายธุรกิจไปยังตลาดศักยภาพใหม่ ผ่านการบูรณาภายใต้กรอบความร่วมมือ อาทิ BIMSTEC, BRICS หรือ APEC ควบคู่กับการขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีเพื่อรักษาฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ ไทย-จีน ไทย-เกาหลีใต้ และ ไทย-มาเลเซีย เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าการ ททท.ทิ้งท้ายว่า การบูรณาการความร่วมมือระหว่าง ททท. กับหน่วยงานพันธมิตรในประเทศ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม สภาพัฒนาการเศรษกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) เป็นการดำเนินงานที่ ททท. ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อส่งเสริมให้เกินการลงทุนเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพสินค้าและการบริการของประเทศไทย ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน