ชาวต่างชาตินับร้อย ติดตามคดี จนท.แบงก์ดัง พัทยา ฉ้อโกงเงิน 300 ล้าน
ตัวแทนทนาย เผย คดีไม่คืบหน้า 11 มกราคม ศกหน้า บุกทำเนียบ
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 64 ที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานรถตำรวจภูธรเมืองพัทยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีม็อบชาวต่างชาติ หลากหลายเชื้อชาติ ได้มารวมตัวเคลื่อนไหวเพื่อทวงความเป็นธรรม จากกรณีที่มีกลุ่มผู้เสียหายทั้งชาวไทยและต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เคยรวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ว่าถูกอดีตผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร (ผช.ผจก.) ชื่อดังแห่งหนึ่งสับเปลี่ยนเงินในบัญชี ซึ่งบางรายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนจนสูญเงินนับล้านบาท ขณะที่บางรายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนในกองทุนต่างๆ โดยอ้างว่าจะได้ค่าตอบแทนหรือดอกเบี้ยสูงจนสูญเงินหลายสิบล้านบาท
ภายหลังผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารชื่อดังในเมืองพัทยารายนี้ถูกธนาคารต้นสังกัดแจ้งจับจนถูกนำตัวเข้าเรือนจำเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หลังนำเอกสารธนาคารไปเผาทำลายทำให้หลักฐานได้รับความเสียหาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 นายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ได้ยื่นหนังสือที่ นต.120 1/2564 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2564 เรื่อง “ขอให้คืนเงินฝากและชดใช้ค่าเสียหาย” ได้ส่งไปแจ้งดังธนาคารดังกล่าวได้รับทราบ และธนาคารได้รับหนังสือฉบับดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กระทั่งครบกำหนดที่ธนาคารจะต้องดำเนินการภายในวันที่ 7 ธันวาคม 2564แต่ธนาคารกลับเพิกเฉยและมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้เจ้าทุกข์ได้ทราบจึงถือได้ว่าธนาคารมีเจตนาที่จะเพิกเฉยและหลีกเสี่ยงที่จะรับผิดชอบ
ด้วยเหตุนี้ชาวต่างชาติที่ได้รับผลกระทบ ได้มอบหมายให้นายศิริชัย ปียะพิเชษฐกุล ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก นางหวัง ยุน ชิ (MRS.WANG, YUN-CHI), นายพัน ยง เชียง (MR.PAN, YONG-HSIANG) และนางสาวพัน เหว่ย หมิง (MISS PAN, HWE-MING) รวมถึงผู้เสียหายทั้งหมด จึงได้เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าของคดี จากเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน และทวงถามทางธนาคารให้ชดใช้เงินที่ผู้เสียหายที่ได้เข้าทำธุรกรรมกับธนาคาร เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 300,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ผู้เสียหายทั้งหมด ได้นำเงินเข้าทำธุรกรรมกับธนาคารเป็นต้นไป
ต่อมา พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ลงมารับเรื่องด้วยตัวเอง พร้อมกล่าวว่าได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว แล้วแต่เนื่องจากเพิ่งย้ายมาประจำการได้ไม่นาน เบื้องต้น ได้ทำการรวบรวมรายชื่อของผู้เสียหายแล้วรวมถึงรายละเอียดหลักฐานการแจ้งความต่างๆ และได้มีการจัดตั้งทีมสืบสวนเฉพาะกิจ เพื่อดูแลสืบสวนสอบสวนในคดีนี้
อย่างไรก็ตามได้ ขอยืนยันว่าจะใช้ทุกกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม และได้รับเงินคืนต่อไป
“วันนี้ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีติดต่อพูดคุยกับทางธนาคาร ซึ่งยังได้ส่งตัวแทนมาเจรจา แต่อยากขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน และขอยืนยันว่า ภายในวันที่ 5 มกราคมปีหน้า จะได้ข้อสรุป ซึ่งทางผม จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพียงขอติดตามเส้นทางการเงิน และพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้เราแยกสำนวนแล้วเหลือแค่รวบรวมหลักฐาน” ผกก. กล่าว
ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า ภายหลังการพูดคุยระหว่างเจ้าทุกข์, พนักงานสอบสวน และตัวแทนธนาคาร ซึ่งได้กล่าวเพียงว่า ขอมารับฟังปัญหาแต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ.ทำให้กลุ่มผู้เสียหายชาวต่างชาติมากกว่า 100 คน ได้เคลื่อนขบวนไปรวมตัวกันที่ธนาคารดังกล่าว
ด้านนายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ตัวแทนทนายความ กล่าวทิ้งท้ายว่า เบื้องต้นกลุ่มผู้เสียหาย จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการให้เวลาทำงาน ตามที่ผู้กำกับฯ ได้เสนอไม่เกินวันที่ 5 มกราคม 2565 แต่หากว่าไม่มีความคืบหน้า กลุ่มผู้เสียหายชาวต่างชาติจะเดินทางไปเรียกร้องความเป็นธรรมที่สำนักนายกรัฐมนตรี, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ธนาคารดังกล่าว ที่ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน